งานที่รับประกันภัยในแผนกนี้แยกออกเป็นกรมธรรม์
2 ประเภท คือ การประกันภัยสินค้าที่อยู่ในระหว่างการขนส่ง (Marine
Cargo Insurance หรือ Goods-in-Transit insurance) และการประกันภัยตัวเรือ
(Marine Hull Insurance)
กรมธรรม์ประกันภัยสินค้าที่อยู่ในระหว่างการขนส่ง
คุ้มครองสินค้าหรือทรัพย์สินต่าง ๆ ที่ขนส่งโดยยานพาหนะทุกรูปแบบ
ไม่ว่าจะเป็นทาง บก ทางน้ำ ทางอากาศ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
สำหรับการประกันภัยการขนส่งสินค้าทางทะเลระหว่างประเทศ
ประเทศไทยเรามีกรมธรรม์ฉบับมาตรฐานที่ใช้รูปแบบและถ้อยคำสัญญาเหมือนกันหมดทุกบริษัทเป็นภาษาอังกฤษ
โดยยึดตามรูปแบบของตลาดประกันภัยในประเทศอังกฤษ ซึ่งสามารถสนองความต้องการของผู้ชื้อขายสินค้าระหว่างประเทศ
เงื่อนไขการให้ความคุ้มครอง
แบ่งออกเป็นข้อเงื่อนไขมาตรฐาน 3 เงื่อนไข คือ
- Institute
Cargo Clauses (A) ซึ่งคุ้มครองความเสียหายหรือสูญเสียจากภัยทุกชนิด
(All Risks) รวมทั้งชดใช้ในกรณีเกิดความเสียหายร่วม(General Average)
ยกเว้นที่ระบุเป็นข้อยกเว้นไว้ เช่น การจงใจก่อให้เกิดความเสียหายของผู้เอาประกันภัย
การขาดหายรั่วซึม สึกหรอตามปกติของสินค้า ข้อเสียในตัวสินค้าเอง
(เช่น เหล็กขึ้นสนิมโดยธรรมชาติ ผลไม้บูดเน่า) การล่าช้า การล้มละลายหรือไม่สามารถชำระหนี้ของเจ้าของเรือหรือผู้รับสินค้า
เป็นต้น
- Institute
Cargo Clauses (B) คุ้มครองเฉพาะภัยที่ระบุคือ ไฟไหม้ ระเบิด เรือเกยตื้น
จน คว่ำหรือตกราง ยานพาหนะชนหรือโดนกับเรือหรือยวดยานหรือวัตถุใด
ๆ การขนถ่ายสินค้าลง ณ ท่าระหว่างทางที่ใช้หลบภัย แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด
ฟ้าผ่า การสูญเสียหรือเสียหายเพื่อประโยชน์ของส่วนรวมในเหตุการณ์
ความเสียหายร่วม (General Average) ถูกทิ้งหรือคลื่นซัดตกน้ำไป
น้ำทะเล ทะเลสาบ หรือแม่น้ำ เข้ามาในเรือ ยานพาหนะ ระวางสินค้า
ตู้สินค้าหรือสถานที่เก็บสินค้า สินค้าทั้งหีบห่อเสียหายโดยสิ้นเชิงเพราะตกน้ำ
หรือหล่นในระหว่างยกขึ้นเรือ และชดใช้ในความรับผิดชอบที่ต้องร่วมชดใช้ในความเสียหายร่วม
- Institute
Cargo Clauses (C) ตุ้มครองภัยต่าง ๆ น้อยกว่าเงือนไข (B) โดยตัดภัยบางภัยออกไปได้แก่
แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด ฟ้าผ่า ถูกคลื่นซัดตกน้ำไป น้ำทะเล ทะเลสาบ
หรือแม่น้ำเข้ามาในเรือ ยานพาหนะ ระวางสินค้า ตู้สินค้า หรือสถานที่เก็บสินค้าและสินค้าทั้งหีบห่อเสียหายโดยสิ้นเชิงเพราะตกน้ำ
หรือหล่นในระหว่างยกขึ้นหรือลงจากเรือนอกนั้นคุ้มครองตามเงื่อนไข
(B) ทุกอย่าง
กรมธรรม์ประกันภัยสินค้าที่ขนส่งทางทะเลและทางอากาศ
สามารถซื้อความคุ้มครองภัยสงครามได้ ผิดกับการประกันภัยทรัพย์สินประเภทอื่น
ๆ ที่ต้องยกเว้นภัยสงครามโดยเด็ดขาด ไม่สามารถขอซื้อกลับมาด้วยการจ่ายเบี้ยประกันเพิ่มได้
อย่างไรก็ตาม ภัยสงครามที่คุ้มครองในกรมธรรม์ประกันภัยขนส่งสินค้าจะคุ้มครองขณะที่สินค้าอยูบนเรือหรืออยู่ในอากาศยานเท่านั้น
ไม่คุ้มครองช่วงที่สินค้าอยู่นอกยานพาหนะทางน้ำและอากาศดังกล่าว
ยกเว้นช่วงขนถ่ายลำในท่าระหว่างทาง กรมธรรม์ระบุให้ความคุ้มครองช่วงที่อยู่บนบกไม่เกิน
15 วัน
ภัยจลาจล การนัดหยุดงานและการก่อการร้าย
สามารถขอซื้อความคุ้มครองตามเงื่อนไขความคุ้มครองมาตรฐานสำหรับภัยดังกล่าวนี้ได้ตามต้องการ
กรมธรรม์ประกันภัยตัวเรือ
ที่ใช้ในตลาดประกันภัย เป็นแบบกรมธรรม์มาตรฐาน โดยมีเงื่อนไขความคุ้มครองหลายแบบตามที่ใช้อยู่ในตลาดประกันภัยในลอนดอน
เงื่อนไขความคุ้มครองที่กว้างที่สุดและนิยมใช้แพร่หลายคือ
Institute Time Clauses(Hulls) ซึ่งแยกความคุ้มครองออกเป็น 2 ส่วนคือ
(1) ความสูญเสียหรือเสียหายต่อตัวเรือ(ลำที่เอาประกันภัย)
และเครื่องจักร อุปกรณ์ทุกชนิดที่ติดตั้งบนเรือจากภัยต่าง ๆ ที่ระบุ
ได้แก่ ภัยต่าง ๆ จากทะเล แม่น้ำ ทะเลสาบ หรือเส้นทางน้ำอื่น ๆ
ไฟ ระเบิด การโจรกรรมโดยใช้กำลังประทุษร้ายจากบุคคลภายนอกเรือ
การทิ้งทะเล โจรสลัด อุบัติภัยจากเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ โดนกับเครื่องบินหรือวัตถุที่หล่นจากอากาศยาน
ยานพาหนะทางบก ท่าเทียบหรืออุปกรณ์ของท่าเรือ แผ่นดินไหว ภูเขไฟระเบิด
ฟ้าผ่า อุบัติเหตุในการขนถ่ายสินค้า การเคลื่อนตัวของสินค้าหรือเชื้อเพลิง
หม้อน้ำระเบิด เพลาแตกหักหรือข้อบกพร่องแฝงเร้นของเครื่องจักรหรือตัวเรือ
ความเลินเล่อของนายเรือ ลูกเรือ หรือนำร่อง ความเลินเล่อของผู้ซ่อมเรือ
ผู้เช่าเหมา การกระทำโดยมิชอบของนายเรือและลูกเรือ
(2) ขยายความคุ้มครองรวมไปถึงความรับผิดชอบของผู้เอาประกันภัยในกรณีที่เรือไปชนหรือโดนกับเรือลำอื่น
และลำที่เอาประกันภัยเป็นฝ่ายผิดความเสียหายที่เกิดกับเรือคู่กรณีจะได้รับการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนประกอบด้วย
ตัวเรือ ทรัพย์สินบนเรือ ค่าเสียโอกาส การใช้เรือคู่กรณี วงเงินการชดใช้ความเสียหายของเรือคู่กรณี
ปกติจะจำกัดไว้ไม่เกิน 75% ของมูลค่าเรือเอาประกันภัยตามกรมธรรม์