กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์
จำแนกออกเป็นแบบสมัครใจ (ผู้เอาประกันภัยสนใจเลือกซื้อความคุ้มครองตามความต้องการเอง)
และแบบบังคับ (เจ้าของรถทุกชนิดทุกประเภทอยู่ในข่ายบังคับของพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ
พ.ศ. 2535 ต้องจัดให้มีการประกันภัยตามที่กำหนดไว้) การประกันภัยแขนงนี้มีความสำคัญต่อธุรกิจประกันภัยมากประการหนึ่งเพราะเป็นประเภทธุรกิจที่มีปริมาณเบี้ยประกันภัยรวมเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ60
ของเบี้ยประกันภัยทุกประเภทรวมกัน และอีกเหตุผลหนึ่งคือ เป็นประเภทประกันภัยที่มีโอกาสและความถี่ในการเกิดอุบัติเหตุบ่อยกว่าการประกันภัยแบบอื่น
บริษัทจึงเน้นคุณภาพของการให้บริการ ทั้งในด้านความรวดเร็วและการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนที่เป็นธรรมอย่างที่สุด
เพราะหัวใจของสัญญาประกันภัยคือ การชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ
กรมธรรม์ที่ใช้มีข้อความและรูปแบบเป็นมาตรฐาน ทุกบริษัทประกันภัยใช้เหมือนกันหมด
เพื่อความสะดวกในการควบคุมการตรวจสอบสถิตการรับประกันภัย และปรับปรุงเปลี่ยนแปลงพิกัดอัตราเบี้ยประกันภัยให้เหมาะสมและเป็นธรรมต่อผู้บริโภคโดยรวม
รถยนต์ที่เอาประกันภัยแบ่งออกตามประเภทและลักษณะการใช้งาน
เช่น รถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถยนต์ที่ใช้ในเชิงพาณิชย์ รถเช่า รถบรรทุก
รถจักรยานยนต์
ความคุ้มครองหลักของกรมธรรม์แบ่งออกเป็น
2 ส่วนคือ ส่วนที่เกี่ยวกับความสูญเสียหรือเสียหายต่อตัว รถยนต์คันที่เอาประกันภัย
ตลอดจนอุปกรณีที่ติดประจำรถนั้น เช่น รถชนกับรถหรือวัตถุอื่นใดก็ตาม
ถูกโจรกรรม ไฟไหม้ ระเบิด เป็นต้น) และอีกส่วนคือ การคุ้มครองความรับผิดตามกฎหมายของผู้เอาประกันภัยหรือผู้ขับขี่
ในความเสียหายต่อบุคคลที่สามจากการใช้รถ (เช่น กรณีการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตของบุคคลภายนอกทั่วไปและผู้โดยสารในรถหรือทรัพย์สินของบุคคลภายนอกได้รับความเสียหายจากความประมาทเลินเล่อของผู้ขับรถเอาประกัน
ซึ่งอาจเป็นรถยนต์คู่กรณี สะพาน เสาไฟฟ้า บ้านเรือน เป็นต้น)
ผู้ซื้อประกันภัยมักประสบปัญหาในชื่อเรียกแบบ
ความคุ้มครอง ชาวบ้านมักเรียกความคุ้มครองเป็นการประกันภัยชั้น
1 หรือประกันภัยชั้น 3 ซึ่งมักก่อให้เกิดความเข้าใจผิดเนือง ๆ
เพราะไม่มีข้อกำหนดเป็นมาตรฐานว่าการประกันภัยชั้นไหนประกอบด้วยความคุ้มครองอะไรบ้างและที่สำคัญคือ
ระดับวงเงินความคุ้มครองที่แตกต่างกันไปของแต่ละบริษัท
โดยทั่วไปการประกันภัยชั้นหนึ่งหมายถึง
การซื้อความคุ้มครองโดยครอบคลุมถึงความคุ้มครองหลักทั้งสองส่วนโดยมีวงเงินความคุ้มครองเพียงพอทั้งตัวรถที่เอาประกันภัย
และโดยเฉพาะส่วนที่คุ้มครองความรับผิดชอบตามกฎหมายต่อบุคคลภายนอก
ต้องมีวงเงินชดค่าสินไหมทดแทนต่อการเสียชีวิตต่อคนต่อครั้งและความเสียหายต่อทรัพย์สินของคนอื่นต่ออุบัติเหตุต่อหนึ่งครั้งที่เพียงพอต่อความรับผิดชดใช้ที่อาจเกิดขึ้นได้
เพราะหากซื้อความคุ้มครองที่ต่ำกว่าระดับที่เหมาะสม ความเสียหายส่วนที่เกินวงเงินความคุ้มครองก็จะตกเป็นภาระของผู้เอาประกันภัยหรือคนขับผู้ละเมิดที่จะต้องรับผิดชดใช้ต่อไป
การประกันภัยแบบชั้น
1 ให้ความคุ้มครองอุบัติภัยทุกอย่างยกเว้นที่ระบุเป็นข้อยกเว้นในกรมธรรม์
ภัยหลัก ๆ ได้แก่ การชน คว่ำ ลักทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ทั้งคัน
การลักหรือยักยอกทรัพย์โดยลูกจ้าง การลักทรัพย์ส่วนควบหรืออุปกรณ์ในรถ
การจลาจล นัดหยุดงาน ก่อการร้าย การกระทำมุ่งร้าย และภัยอื่น ๆ
กรมธรรม์รถยนต์ภาคบังคับ
หรือ ประกันภัยรถยนต์ตาม พ.ร.บ. ซึ่งกรมธรรม์เป็นทางการคือ กรมธรรม์คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ
กรมธรรม์ให้ความคุ้มครองตามวงเงินที่กำหนดในพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ
พ.ศ. 2535 โดยกำหนดวงเงินความคุ้มครองต่อครั้ง 5 ล้านบาท สำหรับรถนั่งหรือบรรทุกผู้โดยสารรวมคนขับไม่เกิน
7 คน และ 10 ล้านบาท สำหรับรถนั่งหรือใช้บรรทุกผู้โดยสารรวมคนขับเกิน
7 คน ส่วนความคุ้มครองผู้ประสบภัยต่อคนกำหนดไว้ดังนี้
- เสียชีวิตหรือทุพพลภาพ
200,000 บาท
- ค่ารักษาพยาบาลรวมค่าเสียหายไม่เกิน
50,000 บาท
- ค่าเสียหายเบื้องต้นรวม
50,000 บาท แยกเป็นค่ารักษาพยาบาลสูงสุด 15,000 บาท และค่าปลงศพกรณีเสียชีวิต
35,000 บาทปกติคนขับรถที่เป็นฝ่ายประมาทหรือต้องเป็นผู้รับผิดตามกฎหมายในอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น
หากได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตน่าจะไม่ได้รับความคุ้มครอง แต่กรมธรรม์ยังยอมให้ได้รับความคุ้มครองตามวงเงินค่าเสียหายเบื้องต้นด้วย